กรุณาใช้ตัวระบุนี้เพื่ออ้างอิงหรือเชื่อมต่อรายการนี้:
https://ir.stou.ac.th/handle/123456789/444
ชื่อเรื่อง: | การศึกษาเปรียบเทียบประสิทธิภาพของผักตบชวาและจอก ในการกำจัดซัลเฟตในน้ำทิ้งจากเหมืองแม่เมาะ |
ผู้แต่ง/ผู้ร่วมงาน: | ปีติ พูนไชยศรี สุมิตร จำปา, 2510- มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช. สำนักบัณฑิตศึกษา จักรกฤษณ์ ศิวะเดชาเทพ |
คำสำคัญ: | มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช. แขนงวิชาสาธารณสุขศาสตร์--วิทยานิพนธ์ ผักตบชวา--การใช้ประโยชน์ จอก (พืช)--การใช้ประโยชน์ น้ำเสีย--การบำบัด--การกำจัดซัลเฟต |
วันที่เผยแพร่: | 2545 |
สำนักพิมพ์: | มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช |
บทคัดย่อ: | การวิจัยเชิงทดลองนี้มีวัตถุประสงค์เพี่อเปรียบเทียบประสิทธิภาพของผักตบชวาและจอกในการกำจัดซัลเฟตในนํ้าทิ้งจากเหมืองแม่เมาะและศึกษาความเป็นไปได้ที่จะนำผักตบชวาและจอกไปใช้ในการกำจัดซัลเฟตในนํ้าทิ้งจากแหล่งอื่นก่อนปล่อยสู่แหล่งนํ้าธรรมชาติ นํ้าทิ้งจากเหมืองแม่เมาะมีปริมาณซัลเฟตเฉลี่ย 1,069 มิลลิกรม/ลิตร ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์มาตรฐานนํ้าทิ้งที่หลายประเทศกำหนด จึงได้ทำการกำจัดซัลเฟตในนํ้าทิ้งโดยการใช้ผักตบชวาและจอก ซึ่งเป็นพืชท้องถิ่น ด้วยการเก็บกักนํ้าไว้ในถังขนาด 100 ลิตร จำนวน 6 ถัง ตลอดระยะเวลา 30 วัน ดำเนินการทดลองซ้ำ 5 ครั้ง เปรียบเทียบประสิทธิภาพของผักตบชวาและจอกโดยการเปลี่ยนแปลงตัวแปรคือ ผักตบชวาหรือจอก ความลึกของนํ้า การครอบคลุมผิวนํ้าของพืชนํ้า และระยะเวลากักเก็บนํ้า ผลการวิจัยพบว่าผักตบชวาและจอกในถังขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 40 เซนติเมตร ความลึกของนํ้า 80 เซนติเมตรและถังขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 58 เซนติเมตร ความลึกของนํ้า 38 เซนติเมตร ในระยะเวลาเก็บกักนํ้า 30 วัน สามารถลดปริมาณซัลเฟตในนํ้าได้ดีกว่าถังควบคุมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 ประสิทธิภาพในการลดปริมาณซัลเฟตของผักตบชวาและจอกไม่แตกด่างกันทางสถิติ ความลึกของนํ้าก็ไม่มีผลต่อประสิทธิภาพในการลดปริมาณซัลเฟต การครอบคลุมพื้นที่ผิวนํ้าของผักตบชวาและจอกเติมพื้นที่ผิวนํ้าสามารถลดปริมาณฃัลเฟตได้ร้อยละ 28.8 และ 30.2 ตามลำดับ และการครอบคลุมพื้นที่ผิวนํ้าของผักตบชวาและจอกร้อยละ 80 สามารถลดปริมาณซัลเฟตได้ร้อยละ 27.6 และ 28.2 ตามลำดับอย่างไรก็ตามประสิทธิภาพของผักตบชวาและจอกในการลดปริมาณซัลเฟตในนํ้าทิ้งขึ้นอยู่กับระยะเวลาเก็บกัก โดยผักตบชวาและจอกมีประสิทธิภาพในการลดปริมาณซัลเฟตได้สูงระหว่างระยะเวลาเก็บกักนํ้าทิ้งนาน 5-20 วัน โดยประสิทธิภาพการลดปริมาณฃัลเฟตมากที่สุดในวันที่ 5 จะน้อยลงหลังจากวันที่ 10 และน้อยที่สุดตั้งแต่วันที่ 20 |
รายละเอียด: | วิทยานิพนธ์ (ส.ม.(สาธารณสุขศาสตร์))--มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช, 2545 |
URI: | http://ir.stou.ac.th/handle/123456789/444 |
ปรากฏในกลุ่มข้อมูล: | Health-Theses |
รายการนี้ได้รับอนุญาตภายใต้ Creative Commons License