Please use this identifier to cite or link to this item: https://ir.stou.ac.th/handle/123456789/6178
Full metadata record
DC FieldValueLanguage
dc.contributor.advisorทวีศักดิ์ จินดานุรักษ์, อาจารย์ที่ปรึกษาth_TH
dc.contributor.advisorชำนาญ เชาวกีรติพงศ์, อาจารย์ที่ปรึกษาth_TH
dc.contributor.authorสุกรี แวอีแต, 2531--
dc.contributor.otherมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช. สำนักบัณฑิตศึกษาth_TH
dc.date.accessioned2023-05-25T04:28:48Z-
dc.date.available2023-05-25T04:28:48Z-
dc.date.issued2560-
dc.identifier.urihttps://ir.stou.ac.th/handle/123456789/6178-
dc.description.abstractการวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ (1) เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง ไฟฟ้าสถิตย์ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 จังหวัดกระบี่ ที่ได้รับการจัดการเรียนรู้โดยใช้รูปแบบห้องเรียนกลับด้าน กับการจัดการเรียนรู้แบบปกติ และ (2) เปรียบเทียบความสามารถในการสืบเสาะหาความรู้ของนักเรียน ชั้นมัธยมศึก ษาปัที่ 6 จังหวัดกระบี่ ที่ได้รับการจัดการเรียนรู้โดยใช้รูปแบบห้องเรียนกลับด้านกับการจัดการเรียนรู้แบบปกติ กลุ่มตัวอย่างเป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 จำนวน 60 คน ใน 2 ห้องเรียนของโรงเรียนกาญจนาภิเษกวิทยาลัย กระบี่ จังหวัดกระบ่ี ได้มาจากการสุ่มตัวอย่างแบบกลุ่มสุ่ม เป็นกลุ่มทดลอง 1 ห้อง จำนวน 30 คน และกลุ่มควบคุม 1 ห้อง จำนวน 30 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ประกอบด้วย (1) แผนการจัดการเรียนรู้โดยใช้รูปแบบห้องเรียนกลับด้าน เร่ือง ไฟฟ้าสถิตย์ (2) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาฟิสิกส์ เรื่อง ไฟฟ้าสถิตย์ และ (3) แบบวัดความสามารถในการสืบเสาะหาความรู้ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการทดสอบค่าที ผลการวิจัยปรากฏว่า (1) นักเรียนกลุ่มทดลองที่ได้รับการจัดการเรียนรู้โดยใช้รูปแบบห้องเรียนกลับ ด้านมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าของกลุ่มควบคุมที่ได้รับการจัดการเรียนรู้ แบบปกติ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 และ (2) นักเรียนกลุ่มทดลองที่ได้รับการจัดการเรียนรู้โดยใช้รูปแบบห้องเรียนกลับด้านมีความสามารถในการสืบเสาะหาความรู้สููงกว่าของกลุ่มควบคุมที่ได้รับการจัดการเรียนรู้แบบปกติ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05th_TH
dc.formatapplication/pdfen_US
dc.language.isothth_TH
dc.publisherมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราชth_TH
dc.relation.urihttps://www.doi.org/-
dc.rightsมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราชth_TH
dc.rightsAttribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International (CC BY-NC-ND 4.0)en_US
dc.rights.urihttps://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0/en_US
dc.sourceBorn digitalen_US
dc.subjectมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช. สาขาวิชาศึกษาศาสตร์ --วิทยานิพนธ์th_TH
dc.subjectมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช. วิชาเอกวิทยาศาสตร์ศึกษา --วิทยานิพนธ์th_TH
dc.subjectวิทยาศาสตร์--การศึกษาและการสอน (มัธยมศึกษา) --ไทย--กระบี่th_TH
dc.subjectผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนth_TH
dc.titleผลการจัดการเรียนรู้โดยใช้รูปแบบห้องเรียนกลับด้านเรื่องไฟฟ้าสถิตที่มีต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและความสามารถในการสืบเสาะหาความรู้ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 จังหวัดกระบี่th_TH
dc.title.alternativeThe effects of learning management using flipped classroom model in the topic of electrostatics on learning achievement and inquiry ability of Mathayom Suksa VI Students in Krabi Provinceth_TH
dc.typeThesisth_TH
dc.degree.nameศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต (วิทยาศาสตร์ศึกษา)th_TH
dc.degree.levelปริญญาโทth_TH
dc.degree.disciplineสาขาวิชาศึกษาศาสตร์th_TH
dc.degree.grantorมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราชth_TH
dc.description.abstractalternativeThe purposes of this research were (1) to compare learning achievement in the topic of Electrostatics of Mathayom Suksa VI students in Krabi province who learned under the learning management using flipped classroom model with that of the students who learned under the conventional learning management; (2) to compare inquiry ability of Mathayom Suksa VI students in Krabi province who learned under the learning management using flipped classroom model with that of the students who learned under the conventional learning management. The research sample consisted of 60 Mathayom Suksa VI students in two intact classrooms of Kanchanaphisek Wittayalai Krabi School, Krabi province, obtained by cluster sampling. Then, one classroom containing 30 students was randomly assigned as the experimental group; the other classroom containing 30 students, the control group. The employed research instruments comprised (1) learning management plans in the topic of Electrostatics for the learning management using flipped classroom model; (2) a learning achievement test in the physics topic of Electrostatics; and (3) a scale to assess inquiry ability. Statistics employed for data analysis were the mean, standard deviation, and t-test. Research findings showed that (1) the post-learning achievement of the experimental group students who learned under the learning management using flipped classroom model was significantly higher than that of the control group students who learned under the conventional learning management at the .05 level of statistical significance; and (2) ) inquiry ability of the experimental group students who learned under the learning management using flipped classroom model was significantly higher than that of the control group students who learned under the conventional learning management at the .05 level of statistical significance.-
Appears in Collections:Edu-Theses

Files in This Item:
File Description SizeFormat 
FULLTEXT_157838.pdfเอกสารฉบับเต็ม3.92 MBAdobe PDFView/Open


This item is licensed under a Creative Commons License Creative Commons