Please use this identifier to cite or link to this item:
https://ir.stou.ac.th/handle/123456789/6660
Title: | การสังเคราะห์งานวิจัยที่เกี่ยวกับการบริหารงานพัสดุของสถานศึกษาระหว่างปี พ.ศ. 2553 - 2558 |
Other Titles: | Synthesis of research on procurement administration in schools during B.E.2553 - 2558 (A.D. 2010 - 2015) |
Authors: | เข็มทอง ศิริแสงเลิศ ชนิดาภา กัญจนวัตตะ, 2524- มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช. สาขาวิชาศึกษาศาสตร์ |
Keywords: | มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช. แขนงวิชาบริหารการศึกษา--การศึกษาเฉพาะกรณี มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช. สาขาวิชาศึกษาศาสตร์--การศึกษาเฉพาะกรณี วิจัย--การสังเคราะห์ การศึกษาอิสระ--บริหารการศึกษา |
Issue Date: | 2559 |
Publisher: | มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช |
Abstract: | การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ (1) ศึกษาคุณลักษณะงานวิจัยเกี่ยวกับการบริหารงานพัสดุของสถานศึกษา และ (2) สังเคราะห์งานวิจัยที่เกี่ยวกับการบริหารงานพัสดุของสถานศึกษา ระหว่างปีพ.ศ. 2553 – 2558 กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ วิทยานิพนธ์และการศึกษาค้นคว้าอิสระที่เกี่ยวกับการบริหารงานพัสดุของสถานศึกษาที่เผยแพร่ระหว่างปี พ.ศ. 2553 – 2558 จานวน 43 เรื่อง เครื่องมือที่ใช้ในการรวบรวมข้อมูลประกอบด้วยแบบประเมินคุณภาพงานวิจัย และแบบสรุปงานวิจัย การวิเคราะห์ข้อมูลคุณลักษณะทั่วไปของงานวิจัยใช้ ค่าความถี่ และค่าร้อยละ ส่วนผลการศึกษาที่ค้นพบใช้การวิเคราะห์เนื้อหาผลการศึกษามีข้อค้นพบ ดังนี้ (1) คุณลักษณะของงานวิจัยพบว่างานวิจัยที่ใช้ศึกษาส่วนใหญ่เป็นงานวิจัยเชิงคุณภาพ ชนิดการศึกษาค้นคว้าอิสระ จากมหาวิทยาลัยมหาสารคาม ซึ่งเผยแพร่ในปี พ.ศ. 2553 มากที่สุด โดยเนื้อหาที่ศึกษาส่วนใหญ่เป็นการพัฒนาระบบงานพัสดุ รองลงมา คือ การศึกษาสภาพ ปัญหาและแนวทางการแก้ปัญหาการบริหารงานพัสดุ ระเบียบวิธีวิจัยที่ใช้มากตามลำดับ คือ 1) การวิจัยเชิงคุณภาพ ซึ่งผู้ร่วมศึกษาค้นคว้ามากที่สุด ได้แก่ เจ้าหน้าที่พัสดุ ส่วนผู้ให้ข้อมูลมากที่สุด ได้แก่ ครูที่ไม่เกี่ยวข้องกับงานพัสดุ กรอบการศึกษาด้านเนื้อหาคือกระบวนการบริหารงานพัสดุ ส่วนด้านกระบวนการพัฒนาใช้ตามกรอบวงจรการพัฒนาระบบ และมีกลยุทธ์ย่อยในการพัฒนาด้วยการนิเทศมากที่สุด เครื่องมือที่ใช้ คือ แบบสัมภาษณ์ และใช้วิธีการวิเคราะห์เนื้อหา 2) การวิจัยเชิงปริมาณ ส่วนใหญ่ศึกษาจากกลุ่มตัวอย่าง มีสถานภาพ/ตำแหน่งเป็นตัวแปรต้น และตัวแปรตามคือกระบวนการบริหารงานพัสดุ เครื่องมือใช้แบบสอบถามที่ผู้วิจัยสร้างขึ้น และวิเคราะห์ข้อมูลด้วยค่าเฉลี่ยและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานมากที่สุด และ (2) ผลการสังเคราะห์งานวิจัยพบว่า แบ่งออกได้เป็น 5 กลุ่ม คือ 1) การศึกษาสภาพ ปัญหา และแนวทางแก้ไขปัญหาของการบริหารงานพัสดุ พบว่าสถานศึกษามีสภาพการบริหารงานพัสดุในระดับ ปานกลางถึงระดับมาก ปัญหาการบริหารงานพัสดุอยู่ในระดับน้อยถึงปานกลางปัจจัยที่มีผลต่อสภาพและปัญหาการบริหารงานพัสดุของสถานศึกษา คือ ขนาดของสถานศึกษา และแนวทางในการแก้ไขและพัฒนาการบริหารงานพัสดุของสถานศึกษา คือ ควรพัฒนาบุคลากรที่ปฏิบัติงานพัสดุ และควรจัดทำคู่มือการปฏิบัติงานพัสดุ 2) การพัฒนาระบบงานพัสดุ พบว่า หลังการพัฒนาด้วยการวิจัยเชิงปฏิบัติการและการนิเทศ ทำให้สถานศึกษามีระบบงานพัสดุที่มีประสิทธิภาพ และมีคู่มือการปฏิบัติงานพัสดุ 3) การพัฒนาบุคลากรด้านงานพัสดุพบว่า หลังการพัฒนาบุคลากรด้านงานพัสดุมีความรู้ความเข้าใจขั้นตอน การปฏิบัติงานพัสดุ สามารถจัดทาคู่มือปฏิบัติงานพัสดุ ตลอดจนสามารถปฏิบัติงานพัสดุได้อย่างเป็นระบบ 4) ความพึงพอใจต่อการบริหารงานพัสดุ พบว่า ผู้ให้ข้อมูลมีความพึงพอใจต่อการบริหารงานพัสดุในระดับมากถึงมากที่สุด และปัจจัยที่ส่งผลต่อความพึงพอใจในการบริหารงานพัสดุ คือ สถานภาพของผู้ให้ข้อมูล 5) การพัฒนาระบบสารสนเทศของงานพัสดุพบว่า สถานศึกษาสามารถพัฒนาโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่ครอบคลุมกระบวนการบริหารงานพัสดุ และบุคลากรสามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ |
URI: | https://ir.stou.ac.th/handle/123456789/6660 |
Appears in Collections: | Edu-Independent study |
Files in This Item:
File | Description | Size | Format | |
---|---|---|---|---|
fulltext_155978.pdf | เอกสารฉบับเต็ม | 2.06 MB | Adobe PDF | View/Open |
This item is licensed under a Creative Commons License