กรุณาใช้ตัวระบุนี้เพื่ออ้างอิงหรือเชื่อมต่อรายการนี้:
https://ir.stou.ac.th/handle/123456789/13656
ชื่อเรื่อง: | Social Media Using for Public Relations by of Agricultural Extension Officers in Nong Bua Lam Phu Province การใช้สื่อสังคมออนไลน์เพื่อการประชาสัมพันธ์ของเจ้าหน้าที่ส่งเสริมการเกษตรจังหวัดหนองบัวลำภู |
ผู้แต่ง/ผู้ร่วมงาน: | PATCHARAWAN SUNANTA พัชราวรรณ สุนันต๊ะ Sineenuch Khrutmuang Sanserm สินีนุช ครุฑเมือง แสนเสริม Sukhothai Thammathirat Open University Sineenuch Khrutmuang Sanserm สินีนุช ครุฑเมือง แสนเสริม [email protected] [email protected] |
คำสำคัญ: | สื่อสังคมออนไลน์ การใช้สื่อสังคมออนไลน์เพื่อการประชาสัมพันธ์ เจ้าหน้าที่ส่งเสริมการเกษตร Online social media The use of online social media for public relations Agricultural extension officer |
วันที่เผยแพร่: | 20 |
สำนักพิมพ์: | Sukhothai Thammathirat Open University |
บทคัดย่อ: | The objectives of this research were to study 1) basic personal conditions of agricultural extension officers 2) the use of online social media for public relations of agricultural extension officers 3) opinions on the use of online social media for public relations of agricultural extension officers 4) needs for the use of online social media for public relations of agricultural extension officers and 5) problems and suggestions in the use of online social media for public relations of agricultural extension officers. This research was mixed method research. For quantitative data, data were collected from the entire population of 49 agricultural extension officers in Nong Bua Lamphu province by using questionnaires. For qualitative data, data were collected from the focus group with the 15 representatives of agricultural extension officer in Nong Bua Lamphu province. The quantitative data were analyzed by using descriptive statistics such as frequency, percentage, mean, minimum value, maximum value, standard deviation, and ranking. The qualitative data were analyzed by using content analysis.The results of the research found out that1) 63.3% of the agricultural extension officers were female with the average age of 38.39 years old, 63.3% graduated with bachelor degree with the average time served the public of 7.28 years. 2) The use of online social media of agricultural extension officers revealed that all of them used Line. Second to that which was 95.9% used Facebook and 71.4% used YouTube. Most of them used it for work 3-4 time/week through mobile phones during 3-6 p.m. for promoting data, information, and knowledge for farmers. 3) The agricultural extension officers agreed with the use of online social media at the high level as it was modern and up-to-date. 4) 85.7% of agricultural extension officers needed the training in the use of online social media by attending the training about the creation of a memorable and interesting video clips, motion pictures, and infographic as well as other types of promotional media such as publication media (pamphlets/academic documents). 5) The agricultural extension officers faced with the problem in the use of online social media, overall, at the high level with the most problematic issue on the news and data. Second to that was the problem regarding the knowledge in the use of online social media and the problem regarding media and equipment. The agricultural extension officers agreed with the suggestion in the use of online social media for public relations, overall, at the highest level with the aspect that was most agreeable on was the promotion through online social media must be clear, correct, and appropriate while having to have reference of the source and able to have the fact check. In case of being impersonated, there need to be the explanation and warning to the data receiver immediately. การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษา 1) สภาพพื้นฐานส่วนบุคคลของเจ้าหน้าที่ส่งเสริมการเกษตร 2) การใช้สื่อสังคมออนไลน์เพื่อการประชาสัมพันธ์ของเจ้าหน้าที่ส่งเสริมการเกษตร 3) ความคิดเห็นต่อการใช้สื่อสังคมออนไลน์เพื่อการประชาสัมพันธ์ของเจ้าหน้าที่ส่งเสริมการเกษตร 4) ความต้องการใช้สื่อสังคมออนไลน์เพื่อการประชาสัมพันธ์ของเจ้าหน้าที่ส่งเสริมการเกษตร และ 5) ปัญหาและข้อเสนอแนะการใช้สื่อสังคมออนไลน์เพื่อการประชาสัมพันธ์ของเจ้าหน้าที่ส่งเสริมการเกษตร การวิจัยนี้ใช้การวิจัยแบบผสมวิธี เก็บรวบรวมข้อมูลเชิงปริมาณ จากประชากรทั้งหมด คือ เจ้าหน้าที่ส่งเสริมการเกษตรจังหวัดหนองบัวลำภู จำนวน 49 ราย โดยใช้แบบสอบถาม วิเคราะห์ข้อมูลเชิงปริมาณโดยใช้สถิติพรรณนา ได้แก่ ค่าความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าต่ำสุด ค่าสูงสุด ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การจัดอันดับ เก็บรวบรวมข้อมูลเชิงคุณภาพ จากการสนทนากลุ่มกับตัวแทนเจ้าหน้าที่ส่งเสริมการเกษตรในจังหวัดหนองบัวลำภูจำนวน 15 ราย และวิเคราะห์ข้อมูลเชิงคุณภาพ โดยการวิเคราะห์เนื้อหา ผลการวิจัย พบว่า 1) เจ้าหน้าที่ส่งเสริมการเกษตร ร้อยละ 63.3 เป็นเพศหญิง มีอายุเฉลี่ย 38.39 ปี ร้อยละ 63.3 จบการศึกษาระดับปริญญาตรี มีอายุราชการเฉลี่ย 7.28 ปี 2) การใช้สื่อสังคมออนไลน์ของเจ้าหน้าที่ส่งเสริมการเกษตร พบว่า ทั้งหมดใช้ไลน์ รองลงมา ร้อยละ 95.9 ใช้ เฟซบุ๊ก ร้อยละ 71.4 ใช้ยุทูบ โดยส่วนใหญ่ใช้งาน 3 - 4 ครั้งต่อสัปดาห์ ผ่านโทรศัพท์มือถือ ในช่วงเวลา 15.01 - 18.00 น. เพื่อประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสารและความรู้ให้แก่เกษตรกร 3) เจ้าหน้าที่ส่งเสริมการเกษตรเห็นด้วยกับการใช้สื่อสังคมออนไลน์อยู่ในระดับมาก เนื่องจากมีความทันสมัย ทันต่อเหตุการณ์ 4) เจ้าหน้าที่ส่งเสริมการเกษตรร้อยละ 85.7 ต้องการอบรมการใช้งานสื่อสังคมออนไลน์ โดยอบรมเกี่ยวกับการสร้างความจดจำและดึงดูด ความสนใจ รูปแบบคลิปวิดีโอ/ภาพเคลื่อนไหวและอินโฟกราฟิก และการประชาสัมพันธ์ผ่านสื่ออื่น ๆ คือ สื่อสิ่งพิมพ์ (แผ่นพับ/เอกสารวิชาการ) 5) เจ้าหน้าที่ส่งเสริมการเกษตรมีปัญหาการใช้สื่อสังคมออนไลน์ในภาพรวมอยู่ในระดับมากโดยมีปัญหาสูงสุด ในด้านข้อมูลข่าวสาร รองลงมา คือ ปัญหาด้านความรู้ในการใช้สื่อสังคมออนไลน์ และปัญหาด้านสื่อและอุปกรณ์ เจ้าหน้าที่ส่งเสริมการเกษตรเห็นด้วยกับข้อเสนอแนะการใช้สื่อสังคมออนไลน์เพื่อการประชาสัมพันธ์ในภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด โดยประเด็น ที่เห็นด้วยสูงที่สุด คือ การประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อสังคมออนไลน์ต้องให้ข้อมูลที่ชัดเจน ถูกต้อง เหมาะสม อ้างอิงข้อมูลแหล่งที่มา สามารถตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีถูกแอบอ้างให้รีบชี้แจงและแจ้งเตือนผู้รับสาร |
URI: | https://ir.stou.ac.th/handle/123456789/13656 |
ปรากฏในกลุ่มข้อมูล: | Agri-Theses |
แฟ้มในรายการข้อมูลนี้:
แฟ้ม | รายละเอียด | ขนาด | รูปแบบ | |
---|---|---|---|---|
2659001487.pdf | 1.43 MB | Adobe PDF | ดู/เปิด |
รายการทั้งหมดในระบบคิดีได้รับการคุ้มครองลิขสิทธิ์ มีการสงวนสิทธิ์เว้นแต่ที่ระบุไว้เป็นอื่น