Please use this identifier to cite or link to this item: https://ir.stou.ac.th/handle/123456789/13899
Full metadata record
DC FieldValueLanguage
dc.contributor.advisorจรรยา สิงห์คำth_TH
dc.contributor.authorตรีชฎา จันทร์นาลาว, 2534-th_TH
dc.contributor.otherมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช. สำนักบัณฑิตศึกษาth_TH
dc.date.accessioned2025-01-31T08:15:02Z-
dc.date.available2025-01-31T08:15:02Z-
dc.date.issued2564-
dc.identifier.urihttps://ir.stou.ac.th/handle/123456789/13899en_US
dc.descriptionวิทยานิพนธ์ (กษ.ม. (การจัดการทรัพยากรเกษตร))--มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช, 2564th_TH
dc.description.abstractการวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษา 1) แหล่งความรู้และความรู้ด้านการจัดการศัตรูพืชแบบผสมผสานในนาข้าวของเกษตรกร 2) วิธีการจัดการศัตรูพืชแบบผสมผสานในนาข้าวของเกษตรกร 3) ปัญหาและข้อเสนอแนะของเกษตรกรเกี่ยวกับการจัดการศัตรูพืชแบบผสมผสานในนาข้าวของเกษตรกร 4) แนวทางการพัฒนาการจัดการศัตรูพืชแบบผสมผสานในนาข้าวของเกษตรกร งานวิจัยนี้เป็นการวิจัยแบบผสมวิธี ประกอบด้วย 1) การวิจัยเชิงปริมาณ ประชากรที่ศึกษา คือ เกษตรกรผู้ปลูกข้าวในอำเภอท่าช้างที่ขึ้นทะเบียนเกษตรกรกับกรมส่งเสริมการเกษตร ปีการเพาะปลูก 2563/64 จำนวน 820 ราย กำหนดขนาดกลุ่มตัวอย่าง โดยใช้สูตรของทาโรยามาเน ระดับความคลาดเคลื่อน 0.05 ได้กลุ่มตัวอย่าง จำนวน 269 ราย สุ่มตัวอย่างแบบง่ายตามสัดส่วนแต่ละตำบล ใช้แบบสอบถามในการเก็บรวบรวมข้อมูล สถิติที่ใช้ คือ สถิติพรรณนา ได้แก่ ค่าความถี่ ค่าร้อยละ ค่าต่ำสุด ค่าสูงสุด ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน 2) การวิจัยเชิงคุณภาพ กลุ่มผู้ให้ข้อมูล คือ เกษตรกรผู้ปลูกข้าวในอำเภอท่าช้างที่ขึ้นทะเบียนเกษตรกรกับกรมส่งเสริมการเกษตร ปีการเพาะปลูก 2563/64 เจ้าหน้าที่กรมวิชาการเกษตร และเจ้าหน้าที่ส่งเสริมการเกษตร จำนวนทั้งสิ้น 17 ราย เครื่องมือที่ใช้คือแบบบันทึกการสนทนากลุ่ม วิเคราะห์ข้อมูลโดยการวิเคราะห์เนื้อหาผลการวิจัยพบว่า 1) เกษตรกรได้รับความรู้ด้านการจัดการศัตรูพืชแบบผสมผสานจากสื่อบุคคลในระดับปานกลาง สื่อมวลชนและสื่อกิจกรรมในระดับน้อย และมีความรู้ด้านการจัดการศัตรูพืชแบบผสมผสานในระดับมาก 2) ศัตรูพืชส่วนใหญ่ที่พบ คือ ข้าววัชพืช โรคใบจุดสีน้ำตาล เพลี้ยไฟ หนอนกอข้าว และเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล วิธีการจัดการศัตรูพืชของเกษตรกร พบว่า เกษตรกรเลือกใช้สารเคมีป้องกันกำจัดศัตรูพืชมากที่สุดรองลงมาเป็นการใช้วิธีเขตกรรมร่วมกับวิธีกล 3) ปัญหาของเกษตรกรในการป้องกันกำจัดศัตรูพืชแบบผสมผสาน คือ เกษตรกรไม่เข้าใจการอนุรักษ์ศัตรูธรรมชาติ ขาดความรู้ความเข้าใจในวิธีการจัดการศัตรูพืชที่ถูกต้องและเหมาะสม มีการใช้สารเคมีที่ไม่ถูกต้อง และเกษตรกรมีการใช้แรงงานจ้างเป็นหลักทำให้การดูแลแปลงนาไม่ทั่วถึง ข้อเสนอแนะของเกษตรกร คือ ควรมีการอบรมให้ความรู้วิธีการจัดการศัตรูพืชแบบผสมผสานที่ถูกต้องและเหมาะสมกับพื้นที่ โดยเน้นให้เกษตรกรได้เรียนรู้พร้อมการปฏิบัติอย่างต่อเนื่อง 4) แนวทางการพัฒนาการจัดการศัตรูพืชแบบผสมผสาน คือ พัฒนาความรู้ด้านการจัดการศัตรูพืชแบบผสมผสานให้เกษตรกรทุกรุ่นให้มีส่วนร่วมโดยการเรียนรู้และปฏิบัติจริง การสร้างเครือข่ายการจัดการศัตรูพืชภายในชุมชนเพื่อให้เกิดความร่วมมือจากเกษตรกรทุกรุ่น และพัฒนาไปสู่การจัดแหล่งเรียนรู้ให้เกษตรกร บุคคลทั่วไป สามารถมาศึกษาดูงานและแลกเปลี่ยนประสบการณ์เพื่อให้เกิดการพัฒนาให้กับชุมชนของตนเอง ส่งเสริมและพัฒนาให้เกษตรกรเข้ารับการตรวจรับรองมาตรฐานสินค้าเพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับผลผลิตth_TH
dc.formatapplication/pdfen_US
dc.language.isothen_US
dc.publisherมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราชth_TH
dc.rightsมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราชth_TH
dc.rightsAttribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International (CC BY-NC-ND 4.0)en_US
dc.rights.urihttps://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0/en_US
dc.sourceBorn digitalen_US
dc.subjectมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช. สาขาวิชาเกษตรศาสตร์และสหกรณ์--วิทยานิพนธ์th_TH
dc.subjectมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช. แขนงวิชาการจัดการทรัพยากรเกษตร--วิทยานิพนธ์th_TH
dc.subjectข้าว--โรคและศัตรูพืช--การควบคุมแบบผสมผสานth_TH
dc.titleแนวทางการพัฒนาการจัดการศัตรูพืชแบบผสมผสานในนาข้าวของเกษตรกรในอำเภอท่าช้าง จังหวัดสิงห์บุรีth_TH
dc.title.alternativeDevelopment guidelines for integrated pest management in paddy field of farmers in Tha Chang District, Sing Buri Provinceen_US
dc.typeThesisen_US
dc.degree.nameเกษตรศาสตรมหาบัณฑิต (การจัดการทรัพยากรเกษตร)th_TH
dc.degree.levelปริญญาโทth_TH
dc.degree.disciplineสาขาวิชาเกษตรศาสตร์และสหกรณ์th_TH
dc.degree.grantorมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราชth_TH
dc.description.abstractalternativeThe objectives of this research were to study 1) resource of knowledge and the knowledge of integrated pest management in paddy field of the famer 2) integrated pest management method in paddy field of the famer 3) farmer’s problems and suggestions for integrated pest management in paddy field, and 4) development guidelines for integrated pest management in paddy field of the famer. This research is a mixed methods research consisting of 1) quantitative research: the population of this research was 820 farmers of rice cultivation in Tha Chang District, Sing Buri Province who registered with the Department of Agricultural Extension in 2020/21. The sample size was determined using Taro Yamane’s formula at an error level of 0.05. A sample size of 269 people was obtained with simple random sampling according to the proportion of each sub-district. A questionnaire was used to collect data. The statistics used were descriptive statistics such as frequency, percentage, minimum value, maximum value, mean and standard deviation. 2) qualitative research: the group of informants included with farmers of rice cultivation in Tha Chang District, Sing Buri Province who registered with the Department of Agricultural Extension in 2020/21, staff of Department of Agriculture and staff of Department of Agriculture Extension for a total 17 participants. The instruments used were the focus group recording form. Data were analyzed by content analysis. The results found that 1) farmers gained knowledge of integrated pest management from personal media at a moderate level, mass media and media activities at a low level and had the knowledge of integrated pest management at a high level. 2) most of the pests were weedy rice, brown spot disease, thrips, rice stem borers and brown planthopper. The methods of pest management of farmers found that they use high chemical pesticides, followed using the cultural control combine with the mechanical control. 3) the problem of integrated pest control is that the farmers don’t understand the conserve natural enemies, lack of the right and proper knowledge and understanding for pest management methods, improper use of chemicals, and they must use the labor as the main so making the care of the fields not thorough. The suggestions of farmer were the knowledge training of integrated pest management methods that were correct and appropriate for this area by emphasis on farmers which continuously learn and practice. 4) the approach to developing integrated pest management were to develop knowledge of integrated pest management for all generation farmers to participate in the learning and practical part. Creating a network of pest management within the community for cooperation from all generations farmers and developed to provide learning resources for farmers and the people to study and exchange experiences for development in their own communities. Encourage and develop farmers to undergo product standard certification to value added yield.en_US
dc.contributor.coadvisorปริชาติ ดิษฐกิจth_TH
Appears in Collections:Agri-Theses

Files in This Item:
File Description SizeFormat 
FULLTEXT.pdfเอกสารฉบับเต็ม11.14 MBAdobe PDFView/Open


This item is licensed under a Creative Commons License Creative Commons